สถานการณ์ต่างประเทศ

ตลาดหุ้นในทวีปเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ปรับตัวลดลงท่ามกลางความกังวลว่า มาตรการภาษีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐประกาศในวันพุธจะฉุดเศรษฐกิจโลกให้เกิดภาวะถดถอย

ตลาดหุ้นในหลายประเทศในเอเชียเปิดตลาดปรับตัวลดลงในวันนี้หลังจากที่เมื่อคืนที่ผ่านมาตลาดหุ้นนิวยอร์คร่วงลงระเนระนาดครั้งใหญ่เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การที่รัฐบาลทรัมป์ประกาศเพิ่มภาษีจะทำให้เกิดสงครามการค้าและผลักดันให้เศรษฐกิจโลกตกอยู่ในภาวะถดถอย

ดัชนี นิกเคอิ ของญี่ปุ่นเปิดตลาดที่ 34,304.66 จุด ลดลง 431.27 จุด หรือ 1.24 เปอร์เซ็นต์ ดัชนีคอสปิ ของเกาหลีใต้ เปิดตลาดร่วงไป 1.15 เปอร์เซ็นต์ ตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย ร่วงไป 1.06 เปอร์เซ็นต์ สำหรับตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงปิดทำการเนื่องจากเป็นวันหยุดเทศกาลเช็งเม้ง

เมื่อคืนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ดัชนีดาวโจนส์ ดิ่งลง 1,679.39 จุด หรือร้อยละ 3.98 ปิดที่ 40,545.93 จุด ขณะนี้นักลงทุนกำลังเฝ้าจับตามองถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางของสหรัฐ หรือ เฟด ที่มีกำหนดจะกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับแนวน้มเศรษฐกิจสหรัฐในการประชุมประจำปีของโซไซตี้ ฟอร์ แอดวานซิ่ง บิสซิเนส เอดิตติ้งแอนด์ ไรท์ติ้ง (Society for Advancing Business Editing and Writing)ที่เมืองอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนียในวันนี้

การประกาศเพิ่มอัตราภาษีของนายทรัมป์ยังได้รับเสียงประณามจากผู้นำประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งต่างยอมรับว่าน่าจะถึงเวลาสิ้นสุดของยุคการค้าเสรีแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า มาตรการภาษีใหม่นี้จะอยู่ถาวรหรือเป็นแท็คติกเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามยอมตาม เนื่องจากนายทรัมป์กล่าวว่า มาตรการภาษีจะทำให้สหรัฐมีอำนาจมากขึ้นในการต่อรอง

อย่างไรก็ตาม ชาวอเมริกันเองก็อาจจะได้รับผลกระทบ จากมาตรการภาษีนี้เช่นกัน โดยจะทำให้สินค้าหลายชนิดมีราคาเพิ่มขึ้น ตั้งแต่รองเท้ากีฬาไปจนถึงไฟโฟน ของบริษัทแอปเปิล โดยสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปของไอโฟนอาจมีราคาสูงถึงเกือบ 2,300 ดอลลาร์ หรือ ประมาณ 78,000 บาท หากแอปเปิลส่วต่อต้นทุนที่สูงขึ้นให้กับผู้บริโภค